บริการยื่นวีซ่าฯ เพื่อเดินทางต่างประเทศ

บริการดำเนินการยื่นวีซ่าฯ ประเภทท่องเที่ยวและนักเรียน เพื่อเดินทางต่างประเทศ เช่น วีซ่าเชงเก้นสำหรับกลุ่มประเทศยุโรป จีน อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ฯลฯ ซึ่งรวมถึง บริการกรอกแบบฟอร์มวีซ่า ตรวจสอบเอกสาร นัดคิวยื่นเอกสาร พร้อมเจ้าหน้าที่ฯ อำนวยความสะดวกในวันยื่นเอกสาร

วีช่า ประเทศสหรัฐอเมริกา

Last update: 20/12/2019

 

วีซ่าธุรกิจ/นักท่องเที่ยว
 
ข้อมูลทั่วไป
วีซ่าเยี่ยมเยียน B-1/B-2 เป็นวีซ่าสำหรับผู้ที่เดินทางไปสหรัฐอเมริกาชั่วคราวเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ (B-1) เพื่อพักผ่อน หรือเข้ารับการรักษาด้านการแพทย์ (B-2) โดยทั่วไปแล้ว วีซ่าชนิด B-1 เป็นวีซ่าสำหรับผู้เดินทางที่ต้องติดต่อกับผู้ร่วมงาน ผู้เข้าประชุมเชิงวิทยาศาสตร์ การศึกษา อาชีพ และธุรกิจ การจัดการสินทรัพย์ หรือต่อรองสัญญา วีซ่าชนิด B-2 สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางเพื่อการพักผ่อน การท่องเที่ยว เยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงหรือญาติ การรักษาด้านการแพทย์ และการเข้าร่วมงานการกุศล กิจกรรมเพื่อสังคม หรือกิจกรรมด้านการบริการ วีซ่า B-1 และ B-2 มักจะออกร่วมกันเป็นวีซ่าเดียว เป็นวีซ่าชนิด B-1/B-2

คุณสมบัติ
ผู้สมัครวีซ่าชนิด B-1/B-2 จะต้องแสดงต่อเจ้าหน้าที่กงสุลว่าท่านมีคุณสมบัติที่จะได้รับวีซ่าตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติของสหรัฐฯ (INA) โดยมาตรา 214(b) ของ INA จะสันนิษฐานว่าผู้สมัครวีซ่าชนิด B-1/B-2 นั้นมีเจตนาที่จะอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่างถาวร ท่านต้องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานทางกฎหมายดังกล่าวให้เป็นที่พอใจว่า

  • วัตถุประสงค์ของการเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกานั้นเป็นการเยี่ยมเยียนชั่วคราวเช่น เพื่อธุรกิจ การพักผ่อน หรือการรักษาด้านการแพทย์
  • ท่านวางแผนที่จะอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นการชั่วคราวตามที่ระบุไว้
  • หลักฐานการเงินเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายระหว่างอยู่ในสหรัฐอเมริกา
  • ท่านมีที่อยู่อาศัยนอกสหรัฐอเมริกาและมีความผูกพันทางสังคมหรือเศรษฐกิจในด้านอื่นๆ ที่จะทำให้แน่ใจว่าผู้สมัครจะเดินทางกลับประเทศเมื่อการเยี่ยมเยียนสิ้นสุดลง

 
เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นคำร้อง หากท่านยื่นคำร้องขอวีซ่าธุรกิจ/ท่องเที่ยว ท่านต้องส่งเอกสารต่อไปนี้

  • แบบฟอร์มการยื่นคำร้องวีซ่าชั่วคราวในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DS-160)  ไปที่เว็บเพจ DS-160 http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-ds160info.asp สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DS-160
  • หนังสือเดินทางที่สามารถใช้สำหรับเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา โดยหนังสือเดินทางดังกล่าวนั้นจะต้องมีอายุใช้งานคงเหลือมากกว่าระยะเวลาที่ท่านตั้งใจจะอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างน้อยหกเดือน (นอกจากได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงรายประเทศ) สำหรับผู้ที่ใช้หนังสือเดินทางร่วมกับผู้เยาว์ โปรดทราบว่าแต่ละคนที่ต้องการวีซ่าจะต้องยื่นใบคำร้องขอวีซ่าแยกกัน
  • รูปถ่ายขนาด 2x2" (5 ซม.x5 ซม.) ที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือนหนึ่ง (1) ใบ รายละเอียดเกี่ยวกับข้อกำหนดของรูปถ่ายสามารถอ่านได้จากเว็บเพจนี้ http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-photoinfo.asp
  • ใบเสร็จชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าชั่วคราวในสกุลเงินท้องถิ่นที่เทียบเท่ากับจำนวน 160 ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าธรรมเนียมนี้ไม่สามารถขอคืนได้ เว็บเพจนี้ http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-visafeeinfo.asp มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าว ในบางกรณีหากวีซ่าของท่านผ่านการอนุมัติแล้ว ท่านยังอาจต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในการออกวีซ่า โดยจะขึ้นอยู่กับสัญชาติของท่าน เว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯมีข้อมูลที่ช่วยระบุว่าท่านจะต้องชำระค่าธรรมเนียมในการออกวีซ่าหรือไม่ รวมถึงอัตราค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระดังกล่าวนั้น

นอกจากเอกสารดังที่กล่าวมาแล้ว ท่านต้องแสดงใบนัดสัมภาษณ์เพื่อยืนยันว่าท่านได้จองเวลานัดสัมภาษณ์ผ่านระบบนี้ http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-appointmentschedule.asp  และท่านยังสามารถนำเอกสารประกอบอื่นๆ ที่ท่านเชื่อว่าจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่เจ้าหน้าที่กงสุลได้ติดตัวไปด้วย
 

วิธีการสมัคร
ขั้นตอนที่ 1
กรอกแบบคำร้องขอวีซ่าชั่วคราวในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DS-160) https://ceac.state.gov/genniv

ขั้นตอนที่ 2
ชำระค่าธรรมเนียมในการยื่นคำร้องขอวีซ่า

ขั้นตอนที่ 3
ทำการนัดสัมภาษณ์วีซ่าผ่านเว็บนี้ ท่านจะต้องใช้ข้อมูลต่อไปนี้ในการทำนัดสัมภาษณ์

  • หมายเลขหนังสือเดินทางของท่าน
  • หมายเลขใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าของท่าน (คลิก ที่นี่ http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-paymentinfo.asp หากท่านต้องการความช่วยเหลือในการค้นหาหมายเลขดังกล่าว)
  • หมายเลขบาร์โค้ดสิบ (10) หลักที่ระบุไว้บนหน้ายืนยันแบบฟอร์ม DS-160

ขั้นตอนที่ 4
ไปที่สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกา http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-loc-post.asp ตามวันและเวลาที่ท่านมีนัดสัมภาษณ์ ท่านต้องนำใบยืนยันนัดสัมภาษณ์ ใบยืนยัน DS-160 ของท่าน รูปถ่ายที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือนหนึ่งใบ หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันและเล่มเก่าทั้งหมดและใบเสร็จการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าตัวจริงมาด้วย คำร้องที่ไม่มีเอกสารทั้งหมดดังกล่าวจะไม่ได้รับการพิจารณา


เอกสารประกอบในการยื่นคำร้องขอวีซ่า
เอกสารเพิ่มเติมในการยื่นคำร้องขอวีซ่าเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นที่เจ้าหน้าที่กงสุลจะนำมาพิจารณาประกอบการสัมภาษณ์ โดยเจ้าหน้าที่กงสุลจะตัดสินใบคำร้องแต่ละกรณีจากปัจจัยด้านอาชีพ สังคม วัฒนธรรม และปัจจัยอื่นๆ ที่มีอยู่ขณะที่ทำการตัดสิน โดยอาจดูเจตนาของท่าน สถานการณ์ด้านครอบครัว แผนระยะยาวของท่าน ตลอดจนสถานการณ์ภายในประเทศที่ท่านอาศัยอยู่ ซึ่งแต่ละกรณีจะได้รับการพิจารณาเป็นรายบุคคลภายใต้กฎหมาย

ข้อควรระวัง: อย่าแสดงเอกสารปลอม การหลอกลวงหรือการกรอกข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงอาจทำให้ท่านเสียสิทธิ์ในการร้องขอวีซ่าอย่างถาวร หากท่านมีความกังวลเรื่องความลับของข้อมูล ผู้สมัครควรนำเอกสารต่างๆ ใส่ซองปิดผนึกมายังสถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาด้วยตนเอง สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาจะไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อผู้ใดและจะเคารพข้อมูลที่เป็นความลับของท่าน
ท่านควรนำเอกสารต่อไปนี้มาในวันสัมภาษณ์ ควรนำเอกสารตัวจริงมาแทนสำเนา อย่าส่งโทรสาร อีเมล หรือส่งเอกสารประกอบของท่านไปยังสถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาทางไปรษณีย์

  • หลักฐานแสดงรายได้ การชำระภาษี เอกสารครอบครองทรัพย์สินหรือธุรกิจ หรือสินทรัพย์
  • รายละเอียดการเดินทางและ/หรือคำอธิบายอื่นๆ เกี่ยวกับการเดินทางของท่าน
  • หนังสือจากผู้ว่าจ้างแสดงรายละเอียดตำแหน่ง เงินเดือน ระยะเวลาการว่าจ้าง และการอนุมัติวันหยุดหรือวัตถุประสงค์ทางธุรกิจในการเดินทางไปสหรัฐอเมริกา
  • ประวัติอาชญากรรมหรือการดำเนินคดีในศาลเกี่ยวกับการถูกจับกุมหรือถูกตัดสินโทษในทุกที่ แม้ว่าท่านจะได้ชดใช้ความผิดนั้นแล้วหรือได้รับอภัยโทษในภายหลังก็ตาม

นอกจากนั้น ท่านควรพิจารณานำเอกสารต่อไปนี้มาด้วย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการเดินทางของท่าน

นักเรียน
นำผลการเรียนล่าสุด ใบรับรองผลการศึกษา และใบรับปริญญา/ใบประกาศนียบัตรมาด้วย นำหลักฐานการสนับสนุนทางการเงินเช่น ใบแจ้งยอดบัญชีรายเดือนจากธนาคาร ใบรับเงินฝากประจำ หรือหลักฐานอื่นๆ
ผู้บรรลุนิติภาวะที่ทำงานแล้ว
นำหนังสือว่าจ้างจากผู้ว่าจ้างและสลิปเงินเดือนสามเดือนที่ผ่านมา
นักธุรกิจและผู้อำนวยการบริษัท
นำหลักฐานแสดงการดำรงตำแหน่งในบริษัทและเงินตอบแทน
เดินทางไปเยี่ยมญาติ
นำสำเนาหลักฐานสถานภาพของญาติที่อยู่ในประเทศสหรัฐฯ (เช่นกรีนการ์ด ใบรับรองสัญชาติ วีซ่าที่ยังไม่หมดอายุ เป็นต้น)
ผู้เคยเยี่ยมเยียนสหรัฐอเมริกา
หากท่านเคยเดินทางไปสหรัฐอเมริกามาก่อน ให้นำเอกสารยืนยันการเดินทางเข้าประเทศและสถานะวีซ่ามาประกอบ
 

เอกสารประกอบสำหรับผู้สมัครที่ต้องการเข้ารับการรักษาพยาบาล
หากท่านต้องการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาล ท่านควรเตรียมเอกสารประกอบต่อไปนี้นอกเหนือจากเอกสารที่ระบุไว้ข้างต้นและเอกสารที่เจ้าหน้าที่กงสุลอาจร้องขอ

  • รายงานการวินิจฉัยจากแพทย์ในประเทศของท่านที่อธิบายถึงลักษณะของอาการป่วยและเหตุผลที่ท่านต้องการเข้ารับการรักษาในสหรัฐอเมริกา
  • หนังสือจากแพทย์หรือสถานพยาบาลในสหรัฐอเมริกาแจ้งความยินยอมที่จะรักษาอาการป่วยดังกล่าว รวมทั้งรายละเอียดเรื่องระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษา (รวมทั้งค่าบริการของแพทย์ โรงพยาบาล และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลอื่นๆ ทั้งหมด)
  • หนังสือแจ้งความรับผิดชอบด้านการเงินจากบุคคลหนึ่งหรือองค์กรที่ออกค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล และค่าพักอาศัยของท่าน บุคคลที่รับรองการชำระเงินค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะต้องแสดงหลักฐานว่ามีกำลังทรัพย์พอที่จะให้การสนับสนุนโดยมักจะอยู่ในรูปแบบของใบแจ้งยอดบัญชีจากธนาคาร เอกสารแสดงรายรับ/เงินออม หรือสำเนาการยื่นภาษีเงินได้

ข้อมูลเพิ่มเติม
ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าธุรกิจและนักท่องเที่ยวได้จากเว็บไซต์ https://travel.state.gov/content/travel/en/us-visas.html ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
 

วีซ่านักเรียน
 
ข้อมูลทั่วไป
ประเทศสหรัฐอเมริกาเปิดกว้างสำหรับบุคคลต่างชาติที่เดินทางมาสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้ารับการศึกษา ก่อนทำการยื่นคำร้องขอวีซ่าผู้สมัครที่เป็นนักเรียนทุกท่านจะต้องได้รับการตอบรับให้เข้ารับการศึกษาจากทางโรงเรียนหรือโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อมีการตอบรับ ทางโรงเรียนจะส่งเอกสารยืนยันให้กับผู้สมัครแต่ละท่าน เพื่อนำมาใช้ยื่นประกอบการยื่นคำร้องขอวีซ่านักเรียน

รายละเอียดและคุณสมบัติของวีซ่าแต่ละประเภท
วีซ่า F-1
วีซ่าประเภทนี้เป็นวีซ่าหลักที่ออกให้แก่นักเรียนส่วนใหญ่ ในกรณีที่ท่านต้องการเข้าเรียนในสหรัฐอเมริกาตามสถานศึกษาที่ผ่านการรับรองแล้วเช่น วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่ผ่านการรับรอง โรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษา หรือโปรแกรมสอนภาษาอังกฤษที่ผ่านการอนุมัติ ท่านต้องมีวีซ่าประเภท F-1 รวมไปถึงผู้ที่ต้องการเข้าเรียนในหลักสูตรอื่นๆที่มากกว่า 18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็ต้องใช้วีซ่าประเภท F-1 เช่นกัน
วีซ่า M-1
ในกรณีที่ท่านมีความประสงค์จะเข้ารับการศึกษาในด้านวิชาชีพ หรือด้านอื่นๆที่นอกเหนือจากด้านวิชาการ หรือเข้าฝึกอบรมใดๆที่จัดโดยสถาบันในสหรัฐอเมริกา ท่านจะต้องมีวีซ่าประเภท M-1
ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าแต่ละประเภทและโอกาสทางการศึกษาในสหรัฐอเมริกาได้ที่เว็บไซต์ Education USA http://www.educationusa.info/pages/students/visa.php

โรงเรียนรัฐบาลในสหรัฐอเมริกา
กฎหมายสหรัฐฯไม่อนุญาตให้นักเรียนต่างชาติเข้าเรียนโรงเรียนของรัฐในระดับชั้นประถมศึกษา (อนุบาลถึงเกรด 8) หรือโครงการศึกษาระดับผู้ใหญ่ที่รัฐออกทุนให้ ดังนั้นจึงไม่สามารถออก F-1 ให้นักเรียนต่างชาติที่ต้องการเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนประเภทดังกล่าวได้
วีซ่าประเภท F-1 ใช้ได้สำหรับผู้สมัครที่เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนของรัฐในระดับมัธยมศึกษา (เกรด 9 ถึง 12) โดยที่นักเรียนจะสามารถเข้าเรียนที่โรงเรียนดังกล่าวได้สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน โรงเรียนต้องระบุในแบบฟอร์ม I-20 มาด้วยว่า ว่านักเรียนชำระค่าธรรมเนียมในการศึกษาเอง ครบถ้วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ท่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าประเภท F-1 ได้จากเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
หมายเหตุ: ผู้ถือวีซ่าประเภท A, E, F-2, G, H-4, J-2, L-2, M-2 หรือวีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้ติดตามประเภทอื่นๆสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนประถมและมัธยมศึกษาของรัฐได้

เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นคำร้อง
หากท่านยื่นคำร้องขอวีซ่าประเภท F หรือ M ท่านจะต้องยื่นเอกสารต่อไปนี้

  • ใบคำร้องขอวีซ่าชั่วคราวในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DS-160) ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บเพจ DS-160 http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-ds160info.asp
  • หนังสือเดินทางที่สามารถใช้เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาได้ โดยหนังสือเดินทางนั้นจะต้องมีอายุใช้งานคงเหลือมากกว่าระยะเวลาที่ท่านตั้งใจจะอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างน้อยหกเดือน (นอกจากได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงรายประเทศ) สำหรับผู้ที่ใช้หนังสือเดินทางร่วมกับผู้เยาว์ โปรดทราบว่าแต่ละคนที่ต้องการวีซ่าจะต้องยื่นใบคำร้องขอวีซ่าแยกกัน
  • รูปถ่ายขนาด 2x2" (5 ซม.x5 ซม.) ที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือนหนึ่ง (1) ใบ รายละเอียดเกี่ยวกับข้อกำหนดของรูปถ่ายสามารถหาได้จากเว็บเพจนี้ http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-photoinfo.asp
  • ใบเสร็จชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าชั่วคราวในสกุลเงินท้องถิ่นที่เทียบเท่ากับ 160 ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าธรรมเนียมนี้ไม่สามารถขอคืนได้  ในบางกรณีหากวีซ่าของท่านผ่านการอนุมัติแล้ว ท่านยังอาจต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในการออกวีซ่า โดยจะขึ้นอยู่กับสัญชาติของท่าน เว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯมีข้อมูลที่ช่วยระบุว่าท่านจะต้องชำระค่าธรรมเนียมในการออกวีซ่าหรือไม่ รวมถึงอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว
  • แบบฟอร์ม I-20 ที่มีลายเซ็บรับรองจากทางโรงเรียนหรือโครงการในสหรัฐอเมริกา
  • แบบฟอร์ม I-901 ซึ่งเป็นใบเสร็จยืนยันการชำระค่าธรรมเนียมSEVIS แล้ว หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมนี้ สามารถเข้าชมเว็บไซต์ SEVIS https://www.ice.gov/sevis

นอกจากเอกสารที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ท่านต้องแสดงใบนัดสัมภาษณ์เพื่อยืนยันว่าท่านได้จองเวลานัดสัมภาษณ์ผ่านบริการนี้เรียบร้อยแล้ว และท่านยังสามารถนำเอกสารประกอบอื่นๆ ที่ท่านเชื่อว่าจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่เจ้าหน้าที่กงสุลได้ติดตัวมาด้วย


วิธีการสมัคร
ขั้นตอนที่ 1
กรอกแบบคำร้องขอวีซ่าชั่วคราวในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DS-160) https://ceac.state.gov/genniv

ขั้นตอนที่ 2
ชำระค่าธรรมเนียมในการยื่นคำร้องขอวีซ่า

ขั้นตอนที่ 3
ทำการนัดสัมภาษณ์วีซ่าผ่านเว็บนี้ https://cgifederal.secure.force.com/?language=Thai&country=Thailand ท่านจะต้องใช้ข้อมูลต่อไปนี้ในการทำนัดสัมภาษณ์

  • หมายเลขหนังสือเดินทางของท่าน
  • หมายเลขใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าของท่าน (คลิก ที่นี่ http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-paymentinfo.asp หากท่านต้องการความช่วยเหลือในการค้นหาหมายเลขดังกล่าว)
  • หมายเลขบาร์โค้ดสิบ (10) หลักที่ระบุไว้บนหน้ายืนยันแบบฟอร์ม DS-160

ขั้นตอนที่ 4
ไปที่สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกา http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-loc-post.asp ตามวันและเวลาที่ท่านมีนัดสัมภาษณ์ ท่านต้องนำใบยืนยันนัดสัมภาษณ์ ใบยืนยัน DS-160 ของท่าน รูปถ่ายที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือนหนึ่งใบ หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันและเล่มเก่าทั้งหมด และใบเสร็จการชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าตัวจริงมาด้วย คำร้องที่ไม่มีเอกสารทั้งหมดข้างต้นจะไม่ได้รับการพิจารณา
 

เอกสารประกอบในการยื่นคำร้องขอวีซ่า
เอกสารเพิ่มติมในการยื่นคำร้องขอวีซ่าเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นที่เจ้าหน้าที่กงสุลจะนำมาพิจารณาประกอบการสัมภาษณ์ โดยเจ้าหน้าที่กงสุลจะตัดสินใบคำร้องแต่ละกรณีโดยดูจากปัจจัยด้านอาชีพ สังคม วัฒนธรรม และปัจจัยอื่นๆที่มีอยู่ขณะที่ทำการพิจารณา โดยอาจดูจากเจตนา สถานการณ์ด้านครอบครัว แผนระยะยาวของท่าน ตลอดจนสถานการณ์ภายในประเทศที่ท่านอาศัยอยู่ ซึ่งแต่ละกรณีจะได้รับการพิจารณาเป็นรายบุคคลภายใต้กฎหมาย

ข้อควรระวัง: อย่าแสดงเอกสารปลอม การหลอกลวงหรือการกรอกข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงอาจทำให้ท่านเสียสิทธิ์ในการร้องขอวีซ่าอย่างถาวร หากท่านมีความกังวลเรื่องความลับของข้อมูล ท่านควรนำเอกสารต่างๆ ใส่ซองปิดผนึกมายังสถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาด้วยตนเอง สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาจะไม่เปิดเผยข้อมูลของท่านต่อผู้ใดและจะเคารพข้อมูลที่เป็นความลับของท่าน
ท่านควรนำเอกสารต่อไปนี้มาในวันสัมภาษณ์ด้วย

  • เอกสารที่เป็นหลักฐานยืนยันความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นในด้านการเงิน สังคม และครอบครัวที่มีต่อประเทศของท่าน ที่แสดงได้ว่าท่านจะต้องเดินทางกลับมายังประเทศของท่านหลังจากโครงการศึกษาในสหรัฐอเมริกาสิ้นสุดลง
  • เอกสารด้านการเงินและเอกสารอื่นๆ ที่จะช่วยสนับสนุนใบคำร้องของท่าน และมีความน่าเชื่อถือในการยืนยันว่าท่านมีทุนทรัพย์เพียงพอสำหรับการชำระค่าธรรมเนียมในการศึกษาของปีแรก ทั้งยังต้องสามารถบ่งบอกว่าท่านจะสามารถนำเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายได้อย่างเพียงพอตลอดระยะเวลาที่ท่านอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา สำหรับผู้สมัคร M-1 ท่านจะต้องแสดงหลักฐานยืนยันความสามารถในการชำระค่าศึกษาและค่าใช้จ่ายประจำวันตลอดระยะเวลาที่ตั้งใจจะพำนักอยู่
  • ไม่สามารถใช้สำเนาใบแจ้งยอดบัญชีจากธนาคารยื่นประกอบได้ เว้นแต่ในกรณีที่ท่านนำใบแจ้งยอดบัญชีจากธนาคารตัวจริงหรือสมุดเงินฝากติดตัวมาแสดงด้วย
  • ในกรณีที่ท่านได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากบุคคลอื่น ให้ท่านนำหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้ให้การสนับสนุนนั้น (เช่นสูติบัตร) แบบฟอร์มผู้เสียภาษีตัวจริงของผู้สนับสนุน สมุดเงินฝากและ/หรือใบรับรองเงินฝากประจำ
  • เอกสารเกี่ยวกับการศึกษาที่แสดงถึงความเตรียมพร้อมด้านการศึกษา ตัวอย่างเช่น ใบรับรองผลการศึกษาของโรงเรียน (ควรนำตัวจริงมาแสดง) ที่มีรายละเอียดผลการศึกษาระบุไว้ ใบประกาศนียบัตรยืนยันการผ่านการสอบวัดระดับตามระบบการศึกษาของอังกฤษ (A-levels ฯลฯ) ผลการสอบที่มีมาตรฐาน (SAT, TOEFL ฯลฯ) และประกาศนียบัตรอื่นๆ

ผู้ติดตาม
คู่สมรสและ/หรือบุตรที่มีอายุต่ำกว่า 21 ปี (ที่มีสถานภาพโสด) สามารถขอวีซ่าเพื่อติดตามผู้ถือวีซ่าหลักไปพำนักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ แต่อย่างไรก็ดี โปรดทราบว่าผู้ปกครองของผู้ถือวีซ่าประเภท F หรือ M จะไม่มีสิทธิ์ในการขอวีซ่าติดตามนี้ได้

สมาชิกในครอบครัวที่ไม่ได้มีความประสงค์จะอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริการ่วมกับผู้ถือวีซ่าหลัก แต่ต้องการไปเยี่ยมเพียงเพื่อการพักผ่อนเท่านั้น สามารถยื่นคำร้องขอวีซ่าเยี่ยมเยียน (B-2) ได้

คู่สมรสและผู้ติดตามจะไม่สามารถทำงานระหว่างที่พำนักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ขณะที่ถือวีซ่าผู้ติดติดตามประเภท F หรือ M ในกรณีที่คู่สมรส/บุตรของท่านมีความประสงค์จะทำงาน จะต้องขอยื่นขอวีซ่าสำหรับการทำงานให้ถูกประเภท
 

เอกสารประกอบในการยื่นคำร้องขอวีซ่าสำหรับผู้ติดตาม
ผู้สมัครที่มีผู้ติดตามต้องแสดงเอกสารดังต่อไปนี้

  • หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือวีซ่านักเรียนกับคู่สมรสและ/หรือบุตร (เช่น ใบสำคัญการสมรสและสูติบัตร)
  • โดยทั่วไปสมาชิกในครอบครัวควรเลือกยื่นคำร้องขอวีซ่าพร้อมกัน แต่ในกรณีที่คู่สมรสและ/หรือบุตรต้องยื่นคำร้องเองในภายหลัง คู่สมรสและ/หรือบุตรควรนำสำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่าของผู้ถือวีซ่านักเรียนหลักติดตัวมาพร้อมกับเอกสารที่กำหนดไว้ทั้งหมดอื่นๆด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม

การฝึกอบรมวิชาชีพ
ผู้ถือวีซ่าประเภท F-1 สามารถเข้ารับการฝึกอบรมวิชาชีพเพิ่มเติมได้สูงสุด 12 เดือนหลังจบหลักสูตรที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว (ไม่รวมถึงวิทยานิพนธ์หรือเทียบเท่า) หรือหลังดำเนินการตามข้อกำหนดทั้งหมดแล้ว การฝึกอบรมวิชาชีพหรือ OPT นั้นจะแยกออกจากการศึกษาทางด้านวิชาการของนักเรียน และโดยทั่วไปแล้วเวลาที่ใช้ในการฝึกอบรม จะไม่ถูกรวมอยู่ในวิชาเรียนของนักเรียนตลอดจนจะไม่ถูกรวมอยู่ในวันสิ้นสุดการเรียน นักเรียนที่ยื่นคำร้องขอวีซ่าประเภท F เพื่อทำ OPT จะสามารถใช้แบบฟอร์ม I-20 ที่ระบุวันสุดท้ายของการเรียนที่ได้ผ่านมาแล้วประกอบการยื่นคำร้อง ทั้งนี้แบบฟอร์ม I-20 ดังกล่าวจะต้องมีการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในโรงเรียนระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการอนุมัติโครงการ OPT ที่จะยืดเวลาออกไปหลังจากเวลาเรียนปกติสิ้นสุดลงแล้วด้วย นอกจากนี้ นักเรียนยังต้องมีหลักฐานยืนยันว่าสำนักงาน USCIS ได้อนุมัติโครงการฝึกอบรมวิชาชีพแล้ว หรือกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาโดยการแสดงบัตรอนุญาตทำงานหรือแบบฟอร์ม I-797 ซึ่งจะแสดงว่านักเรียนคนดังกล่าวกำลังอยู่ในกระบวนการสมัครโครงการ OPT
อายุการใช้งานของวีซ่านักเรียน ในกรณีที่หยุดเรียนชั่วคราว
นักเรียนที่ไม่ได้เข้าเรียนเป็นเวลามากกว่าห้าเดือนจะต้องยื่นคำร้องขอวีซ่าประเภท F-1 หรือ M-1 ใหม่ได้ เพื่อกลับเข้าไปเรียนอีกครั้งหลังจากเดินทางไปต่างประเทศ ตามรายละเอียดที่ดังต่อไปนี้
นักเรียนที่ยังอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าเมือง นักเรียน (F-1 หรือ M-1) สามารถเสียสถานภาพการเป็นนักเรียนได้หากไม่กลับเข้าเรียนต่อภายในห้าเดือนนับจากวันที่ได้ย้ายโรงเรียนหรือเปลี่ยนโครงการ ในกรณีที่เสียสถานภาพการเป็นนักเรียนวีซ่าประเภท F หรือ M ที่มีอยู่ก็จะไม่สามารถใช้เดินทางกลับเข้ามายังประเทศสหรัฐอเมริกาในอนาคตได้อีก ยกเว้นในกรณีที่สำนักงานUSCIS คืนสถานภาพให้ ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และคำแนะนำเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอขยาย/เปลี่ยนแปลงสถานะชั่วคราวแบบฟอร์ม I-539 เพื่อขอให้ต่อสถานะได้ที่เว็บไซต์ USCIS
นักเรียนที่เดินทางจากต่างประเทศเพื่อกลับมายังสหรัฐอเมริกา
นักเรียนที่เดินทางออกจากสหรัฐอเมริการะหว่างหยุดพักเรียนเป็นเวลาห้าเดือนขึ้นไปอาจเสียสถานภาพ F-1 หรือ M-1ได้ เว้นแต่ในกรณีที่กิจกรรมที่ปฏิบัติหรือเข้าร่วมระหว่างอยู่ต่างประเทศนั้นมีความเกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เรียน ก่อนการเดินทางนักเรียนควรติดต่อผู้มีอำนาจของโรงเรียนก่อนเพื่อตรวจสอบว่ากิจกรรมที่ท่านตั้งใจจะไปปฏิบัติหรือเข้าร่วมนั้นมีความเกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เรียนหรือไม่
หากนักเรียนที่เดินทางออกจากประเทศสหรัฐอเมริกาและขาดเรียนนานกว่า 5 เดือน เดินทางกลับมาขอเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่าประเภท F-1 หรือ M-1 ที่เคยใช้มาก่อนและยังไม่หมดอายุ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ สามารถตัดสินว่าบุคคลนั้นไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศเนื่องจากไม่มีวีซ่าชั่วคราวที่ใช้งานได้อยู่ หรือหากเจ้าหน้าที่อนุญาติให้นักเรียนคนดังกล่าวยกเลิกการขอเข้าประเทศ
 
Last update: 20/12/2019